พรสวรรค์ไม่ได้ถูกกำหนดไว้แต่ Mindset ที่ดีสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้
พรสวรรค์ไม่ได้ถูกกำหนดไว้แต่ Mindset ที่ดีสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้
by Jocelyn K. Glei
Illustration: Oscar Ramos Orozco
ในโลกแห่งการสร้างสรรค์ เราใช้เวลามากมายพูดถึงเรื่องของพรสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษ - เป็นเรื่องของสไตล์ เรื่งอของมุมมองเรื่องของความงดงาม ถ้าคุณมีคุณก็จะมี แต่ถ้าไม่มี คุณก็จะไม่มี มันเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้จริงไหม?
ไม่จริงหรอก
ตามหนังสือที่ Carol Dweck นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเขียนไว้เรื่อง Mindset: The New Psychology for Success, คือทัศนคติที่นำความสำเร็จมาสู่งานของเรา มีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าเราจะใช้สิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด(พรสวรรค์)ได้อย่างเต็มที่มากแค่ไหน
ถ้าเราเชื่อว่าพรสวรรค์ของใครบางคนเป็นเรื่องเฉพาะตัว รวมทั้งตัวเรา เรากำลังกำหนดว่านี่คือสิ่งที่เราเป็น แต่ถ้าเราเชื่อว่าพรสวรรค์ หรือสติปัญญาหรือความสามารถพัฒนาได้ตามความพยายามที่เราใส่ลงไป เรามีโอกาสที่จะมีพรสวรรค์ที่ว่านั้นและพัฒนาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผมได้คุยกับ Dweck เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mindset ที่สามารถพัฒนาได้นี้มันจะส่งผลต่อความสำเร็จในทั้งด้านส่วนบุคคลและทั้งทางด้านหน้าที่การงาน
เมื่อเรายังเด็กเราคิดว่าเราสามารถทำอะไรก็ได้ ในแง่ของความสร้างสรรค์ เราไม่ได้คิดว่าทักษะของเรามีขีดจำกัด แล้วทำไมความคิดนี้ถึงหยุดไปในช่วงอายุใดอายุหนึ่ง?
มันหยุดลงเมื่อเรามีสติมากขึ้น เมื่อเราเริ่มคิดว่าความผิดพลาดคือความล้มเหลว และความล้มเหลวนี้บอกเราและคนอื่นที่อยู่ในชีวิตเรา ซึ่งไม่มีค่าอะไรเลย กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นในวัยเด็กมาก ๆ
ในวันเวลาแห่งความเป็นผู้ใหญ่ในโลกแห่งการทำงาน ความกลัวล้มเหลวกระทบกับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์?
มันทำให้เรากลัวการถูกตัดสินและช่วงนี้เป็นช่วงที่ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณต้องทำในสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อน และคุณก็จะต้องอยู่กับมันจนกว่าคุณจะสำเร็จถ้าคุณมี Mindset ที่fiexed (ไม่สามารถพัฒนาได้) ก็คือการที่คุณมีความสามารถจำกัดและคุณก็จะไม่ยากทำงานที่ยาก คุณคิดว่า "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่สำเร็จ? คนก็จะเริ่มคิดว่าฉันไม่ได้ฉลาดอย่างที่ฉันอยากจะเป็น ฉันอยากจะให้เขาคิดว่าฉันฉลาด
ถ้าเราให้ตัวเลือกกับผู้ใหญ่สักคนในการย้อนกลับไปในบางอย่างที่เขาได้ทำไว้ดี และ ไม่ดีแล้วคนที่มี Mindset fixed ก็จะกลับไปในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว ในเหตุการณ์นั้นเราก็จะไม่พัฒนาและไม่ยอมออกจากพื้นที่ที่เราเคยอยู่ เราเกรงกลัวการที่จะดูไม่ฉลาดตลอดเวลา
ผู้ใหญ่ที่มี mindset fixed ยังมักจะคิดว่าคนที่ต้องใช้ความพยายามมากไม่เป็นคนฉลาดพวกเขาจะยึดติดกับคำที่ว่า ถ้าเราฉลาด เรามีพรสวรรค์มันก็จะเข้ามาหาเราเอง แต่ว่าคนที่มี Mindset ที่พัฒนาได้อย่างต่อเนื่องเขาจะสนุกกับการได้พยายามและยอมรับความลำบาก พวกเขาจะเข้าใจว่าการสร้างสรรค์ริเริ่มจะต้องใช้ความพยายาม
Carol Dweck. Photo courtesy of Standford University.
แล้ว Mindset สองแบบนี้มีบทบาทอย่างไรเมื่อคุณเจอกับความพ่ายแพ้? เมื่อคุณไม่ประสบความสำเร็จ?
ใน mindset ที่ไม่หยุดพัฒนา คุณไม่เคยที่จะยอมรับความพ่ายแพ้คุณคาดหวังว่าจะไปข้างหน้า คุณรู้ว่าความพ่ายแพ้จะเป็นข้อมูลที่จะทำให้คุณไปข้างหน้าอย่างไรครั้งต่อไป มันจะท้าทายคุณว่าคุณจะยอมแพ้หรือไม่? ในสภาพจิตใจที่มี Mindset Fixed ความพ่ายแพ้จะทำให้ความสามารถของคุณถูกตั้งคำถาม
ทุก ๆ อย่างจะเกี่ยวกับ ฉันฉลาดไหม? ฉันไม่ฉลาดใช่ไหม? ถ้าคุณคอยห่วงภาพความฉลาดของคุณคุณจะไม่กล้าทำงานยาก คุณจะไม่คิดมันในเชิงสร้างสรรค์และไม่แก้ไขในสิ่งที่มันใช้ไม่ได้
แล้วเราจะนำ mindset ที่สามารถพัฒนาได้มาให้กับคนที่ต้องใช้งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ไม่ว่าเราจะกำลังสวดอ้อนวอนหรือว่ากำลังวิพากวิจารย์ งานของฉันแนะนำว่าคุณจะโฟกัสบนกระบวนการ ไม่ใช่โฟกัสบนตัวคน ซึ่งถ้ามันประสบความสำเร็จ คุณจะไม่บอกว่า คุณเป็นอัจฉริยะหรือมีพรสวรรค์ เพราะว่ามันทำให้เรากลับเข้าไปสู่วงจรของการมี Mindset ที่ไม่พัฒนา
ถ้าคุณพยายามจะดูฉลาดคุณจะไม่พยายามทำงานที่ยาก
และมันทำให้เรากลัวที่จะทำงานยาก ๆ หรือว่าทำความผิดพลาด ซึ่งทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเราลดลง ถ้าคุณกำลังมองมันในแง่ลบ คุณควรมองเรื่องกระบวนการมากกว่าจะเป็นเรื่องคนแล้วคุณจะสามารถเข้าใจได้ว่ากระบวนการไหนเป็นกระบวนการที่ดี แล้วคุณจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่ามันผิดตรงไหนและใครที่สามารถจะทำได้ในครั้งต่อไป
คุณจะยกตัวอย่างของการที่ภาษาจะมีส่วนในขณะที่เรากำลังประเมินคนอื่นอยู่?
คนที่ mindset fixed จะบอกว่า “โปรเจ็คนี้ออกมาดี คุณเป็นอัจฉริยะ เรารู้ว่าคุณมีพรสวรรค์และนี่คือสิ่งที่พิสูจน์" ขณะที่คนที่มี Mindset สามารถพัฒนาได้ จะกล่าวว่า "ว๊าววว งานนี้ออกมาดีมาก เราชอบวิธีการที่คุณจัดการทีมคุณทำให้ทุกคนโฟกัส และผลงานที่ออกมา วิธีการที่คุณทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของ" สิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนออกมาที่เราควรจะสะท้อนมันออกมาในครั้งต่อไป ขณะที่ถ้าเราบอกว่า "คุณคืออัจฉริยะ" เราก็จะมีคำนี้ก้องอยู่ในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วตอนที่เราต้องการให้คำวิจารณ์แก่ใครซักคนกันหล่ะ ? หรือว่าการชี้ให้เห็นว่าสิ่งต่อไปนี้ควรแก้ไข ?
อย่างที่ได้กล่าว เมื่อคุณกำลังวิจารณ์คนอื่น คุณต้องวิจารณ์ในเรื่องกระบวนการและว่ากันเฉพาะในเรื่องทักษะที่พวกเขาต้องเรียนรู้และควรปรับปรุง
ตอนนี้ฉันกำลังตกหลุมรักคำว่า —“เลย” คุณสามารถกล่าวกับใครคนหนึ่งที่ล้มเหลวได้ว่า : “ คุณเหมือนจะขาดสิ่งนี้” แต่คุณอาจจะเพิ่มคำนี้เข้าไป “เลย” เช่น “คุณยังไม่มีทักษะนี้เลย” การทำเช่นนี้เรากำลังให้ความเคารพที่เขาต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ มันสร้างแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้เมื่อเวลาผ่านไป และมันทำให้คนอื่นมีทักษะการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เช่นพูดว่า " บางทีคุณอาจจะยังไม่ใกล้ความสำเร็จแต่ว่าคุณได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นฉะนั้นคุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้" มันเป็นคำพูดที่ทำให้เกิดการพัฒนา
ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ พรสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอด เราจะสามารถออกจากวงจรเหล่านี้ได้อย่างไร?
อันดับแรก มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง mindset ของผู้จัดการ Peter Heslin ในการทำ Workshop ครั้งหนึ่งผู้จัดการถูกถามให้คิดถึงตัวอย่างจากในชีวิตของพวกเขาให้แสดงถึงสถานการณ์ที่ทำให้เกิด Mindset ที่เอื้อต่อการพัฒนา เช่น “อะไรบ้างที่คุณคิดว่าคุณจะไม่ทำไมแต่ว่าคุณก็ทำมัน? " หรือเขียนจดหมายถึงใครซักคนที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนแต่ตอนนี้อยู่ในช่วงตกต่ำและให้ติดตามคนเหล่านั้นในแง่ของการที่มีสภาวะจิตใจที่สามารถพัฒนาขึ้นได้
หลังจากนั้นนักวิจัยได้ติดตามผู้จัดการเหล่านี้เป็นเวลา 6 สัปดาห์เพื่อเปรียบเทียบพวกเขากับผู้จัดการที่ไม่ได้มีการฝึกพัฒนาจิตใจแบบที่สามารถพัฒนาได้ สิ่งที่เขาสังเกตุเห็นคือว่า ผู้จัดการที่ได้มีการฝึกหัดด้าน mindset แบบพัฒนาได้มีความเปิดกว้างในการประเมินลูกจ้างของเขามากกว่า พวกเขายังไม่สนใจแนวคิดเรื่องการตัดสินว่าใครจะเป็นอัจฉริยะหรือไม่แล้ว
และพวกเขายังพบอีกว่าผู้จัดการยังคงอยากที่จะให้คำแนะนำกับลูกจ้างมากขึ้นเพราะว่าถ้าในสถานการณ์ Mindset fixed จะทำให้คุณเชื่อว่าคนเหล่านั้นไม่มีความเป็นอัจฉริยะ "ฉันจะรอว่าใครบ้างที่มีและใครไม่มีและเลือกคนที่ดีที่สุดมา" ถ้าคุณมี Mindset ที่พัฒนาได้คุณจะเข้าใจว่า "เราอยู่ในธุรกิจที่สามารถพัฒนาพรสวรรค์ให้เติบโตได้ช่วยกันพัฒนาไม่ใช่แค่นั่งแล้วตัดสินมัน"
แล้วคนอื่นจะเริ่มในการพัฒนา Mindset ของตัวเองได้อย่างไร
สิ่งหนึ่งที่ฉันบอกกับคนอื่นคือ ให้เริ่มฟังเสียง Mindset fixed ในหัวของคุณ มันอยู่ในนั้นตลอดคอยบอกคุณว่า "คุณแน่ใจหรือว่าอยากจะทำอย่างนั้น?" คุณอาจจะทำพลาดและจะมีคนจับผิดคุณได้ คุณจะไม่เหมือนอัจฉริยะที่คุณอยากเป็น" หรือถ้าคุณเจออุปสรรค์ จิตของคุณจะบอกว่า "โอ๊ววว บอกแล้วมันไม่ได้สายเกินไป คุณสามารถรักษาหน้าของคุณไว้ได้" เมื่อคุณทำอย่างนั้นฟังแต่ฝั่งที่เป็น Mind fixed
ถ้าคุณอยู่กับใครสักคนที่ประสบความสำเร็จ "อะไรที่จะทำให้คุณเรียนรู้จากคน ๆ นี้? ใช่บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นครูที่ดี และสามารถเรียนรู้ได้มากมาย บางทีเราอาจจะรู้จักเขามากขึ้น บางทีเขาอาจจะให้เราทำงานด้วย บางทีอาจจะได้รู้ว่าเขาอยู่ไหนและเราอยู่ไหน และอะไรคือความลับแห่งความสำเร็จของเขา? ”
เราต้องถามตัวเอง สร้างโอกาสในการเรียนรู้ ทำทุกอย่าถ้าคุณยังรู้สึกว่ายังไม่พัฒนาเพราะว่าเราย่อมมีส่วนหนึ่งในใจที่รู้สึกอายและรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ทำมันเลย!! แล้วดูว่ามีผลเป็นยังไง?
Comments
Post a Comment